วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

AFET กับ 4 ปีที่ผ่านพ้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 22 พฤษภาคม 2551

หากนับจนถึงวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2551 ที่จะถึงนี้ ก็เป็นเวลาที่ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือมีชื่อภาษาอังกฤษว่า The Agricultural Futures Exchange of Thailand ที่มาของคำย่อว่า AFET หรือที่อ่านว่า "เอ-เฟ็ท" เปิดซื้อขายมาได้ 4 ปีเต็มแล้ว ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินนะครับว่าท่านผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ AFET มาบ้างแล้วนะครับไม่มากก็น้อย

ดูเหมือนเป็นกระแสนิยมกันไปแล้วสำหรับหน่วยงานที่จะมีคำย่อเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งหน่วยงานเป็นที่เกิดใหม่หรือหน่วยงานเก่าที่พยายามปรับภาพลักษณ์ อาจจะเนื่องมาจาก ตัวย่อภาษาอังกฤษนี้จำง่ายและดูทันสมัย ซึ่งประเทศเรามีหลายหน่วยงานที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว เช่น EGAT หรือจะเป็นสถานีโทรทัศน์ปรับโฉมใหม่ ได้แก่ MCOT TPBS และล่าสุดก็ NBT บริษัทในเครือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) หรือ SET ไล่ไปตั้งแต่ TSD TSI TFEX BEX MAI ถ้าเป็นธนาคารที่ได้ยินกันบ่อยหน่อยก็ KBANK ระบบขนส่งมวลชนก็ BTS MRT หรือรถเมล์ BRT ของ กทม. โทรศัพท์มือถือก็ AIS หรือ DTAC ฯลฯ

ระยะเวลา 4 ปีที่ AFET ได้เปิดทำการซื้อขายมานี้ หากเปรียบเทียบกับนักศึกษาปริญญาตรี ก็ถือว่าเรียนจบแล้ว (แต่ก็ยังคงถูกมองว่าเด็กอยู่หากจะออกไปทำงาน) เช่นเดียวกันกับ AFET ที่ยังถือว่าเป็นตลาดที่ยังเด็กอยู่มาก หากนำไปเปรียบเทียบกับการซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศเช่นในสหรัฐอเมริกาที่มีมากว่า 100 ปีแล้ว

หากไม่นับรวมท่านที่เกี่ยวข้องในวงการแล้ว คงจะมีรายที่จะทราบครับว่า กว่าจะถึงวันแรกของการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้านั้น การจัดตั้ง AFET นี้มีประวัติที่ยาวนานเกือบ 30 ปี เกี่ยวข้องกับผู้ที่ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก กว่าจะได้มาเป็น พ.ร.บ.การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. 2542 ซึ่งจากรายละเอียดในหนังสือ "วันแรกก้าว" ที่ AFET ได้แจกเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2547 เชื่อหรือไม่ครับว่า กระทรวงพาณิชย์ (โดยกรมการค้าภายใน) มีแนวคิดในจัดตั้งตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าในเวลาไล่เลี่ยกับการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ซึ่งได้เปิดมากว่า 30 ปีแล้ว

หลังจากที่มี พ.ร.บ. การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ.2542 บังคับใช้ในวันที่ 12 เมษายน 2543 (ต้องรอ 180 วันในพระราชกิจจานุเบกษา) การจัดเตรียมการเปิด AFET ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถเปิดทำการซื้อขายได้ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2547 ซึ่งขณะนั้น AFET มีคุณพันธ์ศักดิ์ เวชอนุรักษ์ เป็นกรรมการและผู้จัดการ และ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร เป็นประธาน โดยได้รับความช่วยเหลือจาก 3 หน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักผลักดันให้ AFET เปิดได้ ได้แก่ กรมการค้าภายใน (ท่านศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์คนปัจจุบันเป็นอธิบดีในขณะนั้น) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ขณะนั้น คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นกรรมการและผู้จัดการ) สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (มี ดร.ชัยพัฒน์ สหัสกุล เป็นเลขาธิการจนถึงปัจจุบัน) ณ ปัจจุบัน หน่วยงานทั้ง 3 ก็ยังคงเป็นเสาหลักให้ AFET สามารถดำเนินการมาได้มาจนถึงปัจจุบันนี้

AFET เปิดให้มีการซื้อขายสินค้าล่วงหน้าสินค้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 หรือ RSS3 Futures เป็นประเภทแรก จากวันนั้นถึงวันนี้ AFET จัดให้มีการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าเกษตรใน 3 ประเภท ได้แก่ ยางพารา ข้าว และมันสำปะหลัง รวม 6 ชนิดสินค้า แบ่งเป็น 9 รูปแบบสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เรียงตามลำดับการนำสินค้าเข้ามาซื้อขาย ได้แก่ 1.ยางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) 2.ข้าวขาว 5% (WR5) 3.แป้งมัน (TS) 4.ยางแท่ง (STR20) 5.ข้าวขาว 5% สัญญาขนาดเล็ก (WR5-M) 6.น้ำยางข้น (LATEX) 7.มันเส้น (TC) 8.ข้าวขาว 5% (WR5P) 9.ข้าวขาว 5% แบบ Both Options (BWR5) อย่างไรก็ดีปัจจุบันมี Futures Contract ที่ AFET ยังคงเปิดให้ซื้อขายล่วงหน้าอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่ RSS3 BWR5 และ TC โดยมีแผนที่จะนำสินค้า “ข้าวหอมมะลิไทย” หรือ THAI HOM MALI RICE Futures มาซื้อขายในเดือนกรกฎาคม 2551 ที่จะถึงนี้

มาถึงวันนี้ AFET ได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์การซื้อขายสินค้าเกษตรเพื่อค้นหาราคาในอนาคต อันจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารความเสี่ยงด้านราคาในระดับหนึ่ง ผู้คนในวงการค้าสินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้องเริ่มที่จะเข้ามาใช้ประโยชน์ใน AFET ทั้งการเข้ามามีส่วนร่วมซื้อขายเพื่อประกันความเสี่ยง และ การใช้ AFET เป็นแหล่งอ้างอิงราคา

ส่วนในประเด็นสภาพคล่องซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยของการเป็นตลาดที่ดี หรือ Good Market หรือไม่นั้น โดยปกติสามารถพิจารณาเบื้องต้นได้จากปริมาณการซื้อขาย หรือ Volume ในตลาดว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งสำหรับ AFET นั้นปริมาณการซื้อขายก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามลำดับ

กล่าวคือ ปริมาณการซื้อขายในวันแรก (28 พ.ค.47) เท่ากับ 44 สัญญา และมูลค่าการซื้อขาย (Value) ประมาณ 12 ล้านบาท และมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยและมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปีต่อๆ มาดังนี้

ปริมาณและมูลค่าการซื้อขาย
เฉลี่ยต่อวันใน AFET             ปริมาณ(สัญญา)  มูลค่า(ล้านบาท)
วันแรก (28 พ.ค. 47)             44           12
ปี 2547                              257           49
ปี 2548                              385           93
ปี 2549                              567         171
ปี 2550                              402         128
ปี 2551 (ถึงวันที่ 20 พ.ค.)    497         206

อาจจะนับได้ว่าเป็นความโชคดีสำหรับผู้ประกอบการภาคเกษตรของไทย ที่ AFET สามารถเปิดการซื้อขายมาได้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ทำให้ประเทศไทยของเรามีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านราคาสินค้าเกษตร พอดีกับช่วงเวลาแห่งความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดังเช่นปัจจุบัน ซึ่งได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ทั่วโลกก็ได้คาดว่าสภาพความผันผวนของราคาสินค้ายังคงดำเนินต่อไปอีกเป็นเป็นเวลาหลายปี

นับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้อง ที่อาจจะต้องเรียนรู้และปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของตนโดยการเริ่มมาใช้ประโยชน์จากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เช่นเดียวกับผู้ประกอบการภาคเกษตรในประเทศพัฒนาแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น