ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 มีนาคม 2550
การซื้อขายสินค้าล่วงหน้าในตลาด หรือ Futures
Trading เป็นการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าที่จะครบกำหนดส่งมอบรับมอบในอนาคต
ตามเงื่อนไขที่มีการระบุไว้ในข้อกำหนดการซื้อขายล่วงหน้าของสินค้าแต่ละชนิดหรือประเภท
เช่น สัญญา RSS3 SEP07 ของ AFET
ที่ระบุไว้ว่า 1 สัญญาจะมีการส่งมอบและรับมอบ ยางแผ่นรมควันชั้น 3
มาตรฐาน Greenbook จำนวน 5 ตัน ส่งมอบเงื่อนไขตาม FOB
กรุงเทพ ภายในเดือนกันยายน 2550 หรือ จะเป็น สัญญา WR5P AUG07 ที่ 1 สัญญาระบุให้มีการส่งมอบและรับ
ข้าวขาว 5 % มาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 15 ตัน ส่งมอบ ณ
คลังสินค้าในเขตกรุงเทพหรือจังหวัดใกล้เคียง ภายในเดือนสิงหาคม 2550
ข้อกำหนดการซื้อขายสินค้าประเภทที่ระบุให้ต้องมีการส่งมอบและรับมอบนี้
จัดเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract) ประเภท Physical
Delivery ซึ่งเป็นต้นแบบของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่มีกันมากว่า 100
ปีที่แล้ว ตัวอย่างของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทนี้ ได้แก่
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าเกษตรชนิดที่มีประวัติการซื้อขายมาแล้วเป็นเวลานาน เช่น
ข้าวโพดที่ Chicago Board of Trade (CBOT) กาแฟที่ New
York Board of Trade (NBOT) น้ำตาลทรายขาวที่ Euronext.LIFFE
ยางพาราที่ Tokyo Commodity Exchange หรือ
น้ำมันปาล์มที่ Bursa Malaysia
นักลงทุน หรือ นักเก็งกำไร (Speculator)
ที่เข้าซื้อขายในสัญญาประเภท Physical Delivery นี้ ส่วนใหญ่จะเลือกที่จะปลดภาระของตนเองออกจากตลาดก่อนวันครบกำหนดส่งมอบ
เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกบังคับให้ส่งมอบหรือรับมอบ ด้วยอาศัยวิธีที่เรียกว่าการ OFFSET
หรือ
ล้างฐานะการถือครองด้วยวิธีการซื้อขายสัญญาขึ้นใหม่ที่มีผลในทางตรงข้าม กล่าวคือ
ผู้ที่ซื้อล่วงหน้าเอาไว้ (ถือครองสัญญาซื้อล่วงหน้าไว้)
สามารถปลดภาระผูกพันของตนได้ ด้วยวิธีการเข้าขายล่วงหน้า ในทำนองเดียวกัน
ผู้ที่ขายล่วงหน้าไว้ ก็สามารถปลดภาระผูกพันของตนได้ ด้วยวิธีการซื้อล่วงหน้า
ตัวอย่างเช่น นาย A ขายล่วงหน้า RSS3
Sep07 เอาไว้ที่ 70 บาท/กก. ซึ่งนาย A ก็รู้ตัวดีว่าตนเป็น
Speculator ดังนั้น เมื่อถือครองสัญญาด้านขายเอาไว้ แล้วราคา
RSS3 Sep07 ปรับตัวลดลงไปเหลือ 65
บาท/กก. หาก A พอใจกับราคาดังกล่าว A ก็อาจปลดภาระตนออกจากตลาดด้วยการเข้าซื้อล่วงหน้าที่ราคา
65 บาท/กก. ได้ โดยฐานะขายล่วงหน้าที่ A ถืออยู่ก่อนได้ถูกล้าง
ด้วยฐานะซื้อ ที่ A ได้เข้าซื้อล่วงหน้าเอาไว้ตอนหลัง สรุป
คือ A สามารถเดินออกจากตลาดโดยไม่ต้องส่งมอบหรือรับมอบพร้อม
กำไร 5 บาท/กก.
อย่างไรก็ดี
ก็มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงวันที่สัญญาสิ้นอายุแล้ว
จะไม่มีการรับมอบส่งมอบ แต่ ให้ยุติภาระผูกพันใด ๆ ในสัญญา
ด้วยวิธีการรับเงินหรือชำระเงินด้วยวิธีการชำระส่วนต่างด้วยเงินสด (หรือ Cash
Settlement) แทน โดยสัญญาประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าทางการเงิน
(Financial Commodity) ครับ เช่น ดัชนีหุ้น อาทิ SET50 INDEX FUTURES ของ ตลาดอนุพันธ์ (หรือ TFEX)
DJIA Futures หรือ ดัชนีดาวโจนที่พวกเราคุ้นชื่อกันดี ของ CBOT
S&P500 Futures หรือ ดัชนีเอสแอนพี 500
ของ Chicago Mercantile Exchange (CME) NIKKEI 225 ของ Singapore
Exchange หรือจะเป็นสินค้าประเภทอัตราดอกเบี้ย เช่น 10 Yrs
U.S. Treasury Notes Futures หรือ 30 Day Fed Fund Futures ของ CBOT หรือจะเป็น Eurodollar Futures ของ CME
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบ Cash
Settlement นี้ จะไม่มีการส่งมอบและรับมอบสินค้ากันจริงครับ
แม้ว่าทั้งผู้ขายและผู้ซื้อประสงค์ที่จะส่งมอบและรับมอบสินค้ากันจริงก็ตาม
นอกเหนือจากนี้ ก็สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอีกพวกหนึ่ง
ที่ในสัญญาหนึ่ง ๆ อนุญาตให้มีทั้งการ Physical Delivery หรือ การ Cash Settlement ได้ เช่น
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทที่เรียกกันว่า BOTH OPTION ของ Multi
Commodity Exchange of India สำหรับ สินค้าน้ำมันปาล์ม
น้ำมันถั่วเหลือง หรือ แก็สธรรมชาติ ฯลฯ โดยสัญญาลักษณะ BOTH OPTION นี้มีคุณลักษณะพิเศษคือ
ให้สิทธิแก่ผู้ขายหรือผู้ซื้อเลือกว่าจะต้องการที่จะส่งมอบหรือรับมอบหรือไม่
หากผู้ขายหรือผู้ซื้อรายต้องการที่จะส่งมอบหรือรับมอบ
ก็ให้แจ้งความประสงค์มายังตลาด แล้วตลาดจะจับคู่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถส่งมอบและรับมอบกันได้
แต่หากผู้ใดที่ไม่ได้แจ้งความประสงค์ที่จะส่งมอบรับมอบสินค้าไว้ หรือ
ไม่ได้รับการจับคู่ให้ส่งมอบรับมอบ
ตลาดก็จะยุติฐานะการถือครองข้อตกลงทั้งหมดให้ด้วยวิธีการ Cash Settlement (โดยจะเห็นได้ว่าการส่งมอบรับมอบของสัญญาประเภท Both Option นี้จะเกิดขึ้นได้เฉพาะกรณีที่ทั้งฝ่ายผู้ขายและผู้ซื้อต้องการที่จะส่งมอบและรับมอบเท่านั้น)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น