ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 8 พฤษภาคม 2551
ผมเริ่มบทความวันนี้ด้วยความเศร้าสลดที่เกิดจากโศกนาฏกรรมพายุไซโคลน
"นาร์กิส" ที่คร่าเอาชีวิตประชาชนชาวพม่า มอญ กะเหรี่ยง
ไปแล้วนับหมื่นคน ไม่รวมถึงที่ยังสูญหายอีกหลายหมื่นคน
น่าแปลกใจมากครับว่า ในช่วงต้นที่ผมได้ยินข่าวว่า นาร์กิส ได้ขึ้นฝั่งที่ประเทศพม่า
มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา
รัฐบาลพม่ายังยืนยันที่จะจัดให้มีการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 10
พฤษภาคม 2551 ให้ได้ ซึ่งเหมือนกับว่ารัฐบาลพม่าไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญเท่าไรกับ
เจ้าพายุไซโคลนที่กำลังจะเข้าถล่มสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี
อันเป็นเขตอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของประเทศเลย
ขณะที่เขียนบทความนี้ ก็ตกใจครับว่า ที่ได้ยินสำนักข่าว Associated
Press รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 22,000 คน สูญหายอีกกว่า
40,000 คน แล้ว (7 พ.ค.51)
ประเภทของพายุขนาดยักษ์ ที่สร้างภัยพิบัติให้มนุษย์
มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการที่พวกเราคุ้นชื่อกันอยู่ไม่กี่ชื่อครับ อาทิเช่น
"พายุไต้ฝุ่น" "พายุเฮอริเคน" หรือ
ล่าสุดอย่างเจ้านาร์กิสที่เป็น "พายุไซโคลน"
โดยพายุลูกที่จะได้ถูกจัดให้เป็น "ไต้ฝุ่น"
"เฮอริเคน" หรือ "ไซโคลน" นั้นจะต้องมีความเร็วลมอย่างน้อย
118 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
ซึ่งจะมีชื่อเรียกว่าอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดของพายุแต่ละลูก เช่น
พายุที่เกิดในมหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิกช่วงตะวันตกเฉียงใต้
และแถวบริเวณออสเตรเลียจะเรียกว่า "ไซโคลน"
ส่วนคำว่า "ไต้ฝุ่น"
จะใช้เรียกพายุที่เกิดในมหาสมุทรตะวันตกเฉียงเหนือ เช่น บริเวณประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่ "เฮอริเคน"
ที่ดูเหมือนว่าจะคุ้นหูพวกเราที่สุดจะใช้เรียกพายุที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกช่วงตะวันออกเฉียงเหนือ
และ/หรือ มหาสมุทรแอตแลนติก อย่างเช่น เฮอริเคน "แคทรินา"
ที่ถล่มเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว
ในประเทศสหรัฐอเมริกานี้มีปัญหาเกี่ยวกับพายุเฮอริเคนบ่อยครั้ง
จนต้องมีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับเรื่องพายุเฮอริเคนโดยเฉพาะที่ชื่อว่า
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (National Hurricane Center) มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองไมอามี
รัฐฟลอริดา โดยเป็นหน่วยงานในสังกัดของ "National Oceanic and
Atmospheric Administration (NOAA)" หน่วยงานระดับกรมที่ดูแลสารพัดเรื่องเกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศ
เตือนภัยพายุ ติดตามภาวะภูมิอากาศ ดูแลสภาพแวดล้อมชายฝั่ง
สนับสนุนการค้าขายทางเรือ ฯลฯ
สิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับผมมากก็คือต้นสังกัดของ เจ้ากรม NOAA ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับพยากรณ์อากาศและงานอื่นที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม
ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ครับว่ากรม NOAA ที่ว่านี้สังกัดอยู่กับกระทรวงที่ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย
นั่นคือ อยู่ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ (U.S. Department of Commerce) !!!
หน่วยงาน NOAA มีพันธกิจดังนี้ครับ 1)
เข้าใจและพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงใดๆ ของสภาวะสิ่งแวดล้อมโลก 2)
อนุรักษ์และจัดการทรัพยากรชายฝั่งและในทะเลให้เป็นไปตามความจำเป็นของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม (www.noaa.gov) โดยการที่หน่วยงานอย่าง
NOAA สังกัดภายใต้กระทรวงพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกา
ก็อาจเป็นเพราะความเชื่อที่ว่า
การค้าขายล้วนมีความเกี่ยวข้องกับสภาวะลมฟ้าอากาศและสิ่งแวดล้อมทั้งชายฝั่งและในมหาสมุทรแทบทั้งสิ้น
สภาพดินฟ้าอากาศ รวมถึงการเกิดขึ้นของพายุประเภท "ไซโคลน"
หรือ "เฮอริเคน" หากป้องกันไม่ดีย่อมก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้
(เห็นได้ชัดเจนในประเทศพม่าขณะนี้)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีสถิติของการเกิดพายุเฮอริเคนแทบทุกปี โดยเฉพาะรัฐยอดฮิตที่มักเป็นเหยื่อของเฮอริเคนหนีไม่พ้น
ฟลอริดา ลุยเซียนา และรัฐอื่นๆ ตามชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก
เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากพายุเฮอริเคน
Chicago
Mercantile Exchange หรือ CME (ซึ่งปัจจุบันได้รวมกับตลาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง
Chicago Board of Trade ไปเป็น CME Group แล้ว) จึงได้ออกแบบ และนำเสนอสินค้า Hurricane Futures ในปี 2007
ซึ่งรูปแบบการซื้อขายล่วงหน้าเหมือนกับที่มีในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทย (AFET)
ต่างเพียงสินค้าใน AFET เป็นสินค้าเกษตรหลักของไทย
ได้แก่ ยาง (Rubber Futures) ข้าว (Rice Futures) และมันสำปะหลัง (Tapioca Chip Futures)
ขณะที่สินค้า Hurricane Futures ที่ CME นำออกมาให้ซื้อขายล่วงหน้านั้น
มีสินค้าอ้างอิงเป็นดัชนีที่เรียกว่า Carvill Hurricane Index ซึ่งเป็นดัชนีค่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากพายุเฮอริเคน
ยิ่งดัชนีแสดงค่าสูงเท่าไรหมายความว่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากพายุยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างของการบริหารความเสี่ยงจาก Hurricane Futures เช่น
นาย AAA มีความเสี่ยงจากการพัดเข้ามาของพายุ Hurricane
Futures อาจทำการซื้อล่วงหน้า Hurricane Futures ไว้ (เข้ามามี Long Postion ไว้)
ซึ่งเมื่อมีพายุเฮอริเคนเข้ามาก่อให้เกิดความเสียหายจริงๆ (Hurricane Index
ปรับตัวสูงขึ้น) นาย AAA ก็จะมีกำไรจากการปรับตัวขึ้นของ
Hurricane Futures ซึ่ง AAA ก็จะสามารถนำกำไรที่ได้จาก
Futures Trading นี้ไปชดเชยความเสียหายของตนที่เกิดขึ้นจริงจากพายุเฮอริเคนได้
อย่างไรก็ดี Hurricane Futures นี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรจากทั้งจากผู้ประกอบการและจากนักเก็งกำไร
โดยพิจารณาจากการที่ไม่มีการซื้อขาย Hurricane Futures เลยมาตั้งแต่ต้นปี
2551 แต่การที่ CME ได้นำเสนอสินค้าประเภท Weather
Product อย่างเช่น Hurricane Futures ออกสู่ตลาดเป็นการแสดงให้เห็นว่ากระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการซื้อขายล่วงหน้านั้นได้วิวัฒนาการไปอย่างมากแล้ว
เมื่อเทียบกับสินค้าเกษตรพื้นฐาน เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี หรือถั่วเหลือง
ซึ่งเป็นประเภทสินค้ากลุ่มแรกๆ ที่ได้มีการนำออกมาซื้อขายล่วงหน้าเมื่อกว่า 150
ปีที่แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น