ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 27 มีนาคม 2551
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 มี.ค.)
ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาเรื่อง
"เทคนิค:จังหวะการซื้อขายในตลาดสินค้าล่วงหน้า"
ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายล่วงหน้าและตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
โดยท่านยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้เกียรติเป็นประธานการสัมมนา
และในช่วงค่ำ ท่านศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์
ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง นโยบายภาครัฐกับการพัฒนาตลาดสินค้าล่วงหน้า
การสัมมนาดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี
มีความคิดเห็น
ข้อแนะนำและเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้องที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก
ซึ่งคาดว่าน่าจะสมประสงค์ตามวัตถุประสงค์ของการจัดการสัมมนาของผู้จัด
โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจและได้ถูกหยิบยกมากล่าวถึงในวงสนทนามากที่สุด คือ
ประเด็นเรื่องข้าว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายล่วงหน้าข้าว การประมูลข้าวในสต็อกรัฐบาล
หรือแนวโน้มราคาข้าว ประเด็นที่กำลังเป็น Hot Issue ของผู้คนในสังคมอยู่ตอนนี้
นับตั้งแต่บทความของผมเรื่อง
"ภาวะกระทิงเข้าสิงข้าวไทย" ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 31
มกราคม 2550 เวลานั้น ราคาข้าวขาว 5% มาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ สำหรับการส่งมอบอีก 1
เดือนข้างหน้า ใน AFET (ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย)
ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปลายปี 2550 (จาก 10.58 บาท/กก. มาเป็น 12.83
บาท/กก. ณ 30 ม.ค.2550) ซึ่งในตอนนั้นผมได้ให้น้ำหนักการปรับตัวขึ้นดังกล่าวว่า
น่าจะมีสาเหตุมาจากกระแสของการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เช่น
พลังงาน โลหะมีค่า หรือสินค้าอุตสาหกรรม
ประกอบกับการอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงินอเมริกัน ทำให้ราคาข้าวในบ้านเรา
น่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามๆ กันไปด้วยไม่มากก็น้อย
แต่จะมีใครเชื่อครับว่า จากวันนั้น (30
ม.ค.2550) มาถึงวันนี้ (26 มี.ค.2550) ช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือน
ราคาข้าวขาว 5% มาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ใน AFET หรือ White
Rice 5% Both Options (BWR5) สำหรับส่งมอบใน 1
เดือนข้างหน้า เวลานี้ซื้อขายกันอยู่ที่ 22.90 บาท/กก. หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ
80% จากวันที่ 30 มกราคม 2550 หรือคิดตั้งแต่ช่วงปี 2550
ราคาข้าวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวแล้ว
เหตุผลที่สำคัญที่สุดของการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาข้าวดังกล่าว น่าจะได้แก่ การมีคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมากจากผู้ซื้อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจากอินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่เร็วๆ นี้ก็มีข่าวออกมาว่า รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของเขา ได้ออกมาขอความร่วมมือ ให้ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วประเทศ เช่น MCDONALD หรือ KFC ลดปริมาณการเสิร์ฟข้าวให้แก่ลูกค้าในแต่ละเมนูอาหารให้เหลือเพียงครึ่งถ้วย (โดยให้เหตุผลว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์กินทิ้งกินขว้าง สั่งข้าวมาแล้วชอบกินไม่หมด) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ฟิลิปปินส์ ลดปริมาณการนำเข้าข้าวลงจากปีที่แล้ว 1.87 ล้านตัน ให้เหลือเพียง 1.17 ล้านตันในปีนี้ (รายละเอียดใน ปินส์แก้ปัญหาข้าวราคาพุ่ง จี้ฟาสต์ฟู้ดขายแค่ครึ่งถ้วย กรุงเทพธุรกิจ 19 มี.ค.2550)
แต่เบื้องหลังของเหตุผลที่มีคำสั่งซื้อข้าวเป็นจำนวนมากมายังประเทศไทย
น่ามาจากผลของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่กระทบต่อ Supply
ของข้าว ทำให้ประเทศผู้ผลิตข้าวในหลายประเทศ ได้แก่ อินเดีย จีน
และเวียดนาม ผลิตข้าวได้น้อยลง
ส่วนผู้ที่สนใจติดตามภาวะราคาข้าว
สามารถติดตามภาวะราคาได้จากหลายแหล่งครับ ซึ่งปัจจุบันราคาที่ผู้ประกอบการนิยมใช้เป็นแหล่งอ้างอิงสำหรับราคาข้าวในประเทศไทย
ได้แก่ ราคาขายส่งข้าว (รายงานเป็นบาทต่อ 100 กิโลกรัม) ณ ตลาดกรุงเทพ
ของกรมการค้าภายใน (WWW.DIT.GO.TH) และสมาคมโรงสีข้าวไทย
(WWW.THAIRICEMILLERS.COM) ราคาข้าวส่งออกข้าว (FOB
PRICE รายงานเป็น US$ ต่อตัน) จากสมาคมผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศ
(WWW.RICEEXPORTERS.OR.TH) ซึ่งราคาที่ได้กล่าวมาข้างต้นส่วนใหญ่แล้ว
จะเป็นราคาที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายตกลงราคาแล้ว ทำการส่งมอบรับมอบกันทันที
หรือที่เรียกว่า Spot Price
ขณะเดียวกันเมื่อ AFET
ได้เปิดให้มีการซื้อขายข้าว 5% ล่วงหน้าแล้ว
ก็เริ่มมีการหยิบยกนำราคาล่วงหน้าใน AFET (BWR5
Futures Price) ไปใช้เป็นราคาอ้างอิงสำหรับราคาข้าวในอนาคต
(ตามทฤษฎีแล้วนับว่าเป็นหน้าที่หลักของตลาดล่วงหน้า) เช่น ณ ขณะนี้ (26 มี.ค.2550)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าข้าวขาว 5% ใน AFET เพื่อส่งมอบเดือนพฤษภาคม
2550 ราคาอยู่ที่ 25.30 บาท/กก. และส่งมอบเดือนมิถุนายน 2550 อยู่ที่ 25.50
บาท/กก. ซึ่งราคาดังกล่าว
สามารถสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มราคาข้าวที่ผู้ซื้อผู้ขายล่วงหน้าใน AFET สื่อออกมาว่า ราคาข้าวขาว 5% ในปัจจุบัน
น่าจะมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้อีก
ดังนั้นทั้ง Spot Price และ Futures Price ที่ได้กล่าวมา
ล้วนเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อ Supply และ
Demand ของข้าว ซึ่งแน่นอนในวันนี้ (26 มี.ค.2550)
จะมีข่าวใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อวงการข้าวไทย นั่นคือ
ความชัดเจนของนโยบายของท่านรองนายกฯ และ รัฐมนตรีพาณิชย์ ฯพณฯ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
ว่าจะมีนโยบายเกี่ยวกับสินค้าข้าวอย่างไร จะมีการแบ่งตลาดข้าวออกเป็น 2 ตลาด
ได้แก่ สำหรับบริโภคภายในและสำหรับการส่งออก (ดังเช่นน้ำตาล)
อย่างที่มีกระแสข่าวออกมาหรือไม่ ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค
และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านคงต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น