วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ภาวะกระทิงเข้าสิงข้าวไทย (ต่อ)

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 27 มีนาคม 2551

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 มี.ค.) ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาเรื่อง "เทคนิค:จังหวะการซื้อขายในตลาดสินค้าล่วงหน้า" ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายล่วงหน้าและตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย โดยท่านยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้เกียรติเป็นประธานการสัมมนา และในช่วงค่ำ ท่านศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง นโยบายภาครัฐกับการพัฒนาตลาดสินค้าล่วงหน้า

การสัมมนาดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี มีความคิดเห็น ข้อแนะนำและเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้องที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะสมประสงค์ตามวัตถุประสงค์ของการจัดการสัมมนาของผู้จัด โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจและได้ถูกหยิบยกมากล่าวถึงในวงสนทนามากที่สุด คือ ประเด็นเรื่องข้าว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายล่วงหน้าข้าว การประมูลข้าวในสต็อกรัฐบาล หรือแนวโน้มราคาข้าว ประเด็นที่กำลังเป็น Hot Issue ของผู้คนในสังคมอยู่ตอนนี้

นับตั้งแต่บทความของผมเรื่อง "ภาวะกระทิงเข้าสิงข้าวไทย" ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2550 เวลานั้น ราคาข้าวขาว 5% มาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ สำหรับการส่งมอบอีก 1 เดือนข้างหน้า ใน AFET (ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปลายปี 2550 (จาก 10.58 บาท/กก. มาเป็น 12.83 บาท/กก. ณ 30 ม.ค.2550) ซึ่งในตอนนั้นผมได้ให้น้ำหนักการปรับตัวขึ้นดังกล่าวว่า น่าจะมีสาเหตุมาจากกระแสของการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เช่น พลังงาน โลหะมีค่า หรือสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบกับการอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงินอเมริกัน ทำให้ราคาข้าวในบ้านเรา น่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามๆ กันไปด้วยไม่มากก็น้อย

แต่จะมีใครเชื่อครับว่า จากวันนั้น (30 ม.ค.2550) มาถึงวันนี้ (26 มี.ค.2550) ช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือน ราคาข้าวขาว 5% มาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ใน AFET หรือ White Rice 5% Both Options (BWR5) สำหรับส่งมอบใน 1 เดือนข้างหน้า เวลานี้ซื้อขายกันอยู่ที่ 22.90 บาท/กก. หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 80% จากวันที่ 30 มกราคม 2550 หรือคิดตั้งแต่ช่วงปี 2550 ราคาข้าวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวแล้ว

เหตุผลที่สำคัญที่สุดของการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาข้าวดังกล่าว น่าจะได้แก่ การมีคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมากจากผู้ซื้อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจากอินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่เร็วๆ นี้ก็มีข่าวออกมาว่า รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของเขา ได้ออกมาขอความร่วมมือ ให้ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วประเทศ เช่น MCDONALD หรือ KFC ลดปริมาณการเสิร์ฟข้าวให้แก่ลูกค้าในแต่ละเมนูอาหารให้เหลือเพียงครึ่งถ้วย (โดยให้เหตุผลว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์กินทิ้งกินขว้าง สั่งข้าวมาแล้วชอบกินไม่หมด) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ฟิลิปปินส์ ลดปริมาณการนำเข้าข้าวลงจากปีที่แล้ว 1.87 ล้านตัน ให้เหลือเพียง 1.17 ล้านตันในปีนี้ (รายละเอียดใน ปินส์แก้ปัญหาข้าวราคาพุ่ง จี้ฟาสต์ฟู้ดขายแค่ครึ่งถ้วย กรุงเทพธุรกิจ 19 มี.ค.2550)

แต่เบื้องหลังของเหตุผลที่มีคำสั่งซื้อข้าวเป็นจำนวนมากมายังประเทศไทย น่ามาจากผลของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่กระทบต่อ Supply ของข้าว ทำให้ประเทศผู้ผลิตข้าวในหลายประเทศ ได้แก่ อินเดีย จีน และเวียดนาม ผลิตข้าวได้น้อยลง

ส่วนผู้ที่สนใจติดตามภาวะราคาข้าว สามารถติดตามภาวะราคาได้จากหลายแหล่งครับ ซึ่งปัจจุบันราคาที่ผู้ประกอบการนิยมใช้เป็นแหล่งอ้างอิงสำหรับราคาข้าวในประเทศไทย ได้แก่ ราคาขายส่งข้าว (รายงานเป็นบาทต่อ 100 กิโลกรัม) ณ ตลาดกรุงเทพ ของกรมการค้าภายใน (WWW.DIT.GO.TH) และสมาคมโรงสีข้าวไทย (WWW.THAIRICEMILLERS.COM) ราคาข้าวส่งออกข้าว (FOB PRICE รายงานเป็น US$ ต่อตัน) จากสมาคมผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศ (WWW.RICEEXPORTERS.OR.TH) ซึ่งราคาที่ได้กล่าวมาข้างต้นส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นราคาที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายตกลงราคาแล้ว ทำการส่งมอบรับมอบกันทันที หรือที่เรียกว่า Spot Price

ขณะเดียวกันเมื่อ AFET ได้เปิดให้มีการซื้อขายข้าว 5% ล่วงหน้าแล้ว ก็เริ่มมีการหยิบยกนำราคาล่วงหน้าใน AFET (BWR5 Futures Price) ไปใช้เป็นราคาอ้างอิงสำหรับราคาข้าวในอนาคต (ตามทฤษฎีแล้วนับว่าเป็นหน้าที่หลักของตลาดล่วงหน้า) เช่น ณ ขณะนี้ (26 มี.ค.2550) ราคาซื้อขายล่วงหน้าข้าวขาว 5% ใน AFET เพื่อส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2550 ราคาอยู่ที่ 25.30 บาท/กก. และส่งมอบเดือนมิถุนายน 2550 อยู่ที่ 25.50 บาท/กก. ซึ่งราคาดังกล่าว สามารถสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มราคาข้าวที่ผู้ซื้อผู้ขายล่วงหน้าใน AFET สื่อออกมาว่า ราคาข้าวขาว 5% ในปัจจุบัน น่าจะมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้อีก

ดังนั้นทั้ง Spot Price และ Futures Price ที่ได้กล่าวมา ล้วนเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อ Supply และ Demand ของข้าว ซึ่งแน่นอนในวันนี้ (26 มี.ค.2550) จะมีข่าวใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อวงการข้าวไทย นั่นคือ ความชัดเจนของนโยบายของท่านรองนายกฯ และ รัฐมนตรีพาณิชย์ ฯพณฯ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ว่าจะมีนโยบายเกี่ยวกับสินค้าข้าวอย่างไร จะมีการแบ่งตลาดข้าวออกเป็น 2 ตลาด ได้แก่ สำหรับบริโภคภายในและสำหรับการส่งออก (ดังเช่นน้ำตาล) อย่างที่มีกระแสข่าวออกมาหรือไม่ ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านคงต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น