ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551
ในช่วงปลายสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้
(ระหว่างวันที่ 20-22 ก.พ.2551) ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (Agricultural
Futures Exchange of Thailand หรือ AFET) ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติของสมาคมตลาดสินค้าล่วงหน้า
หรือ The Association of Futures Markets (AFM) ครั้งที่ 11
ขึ้น ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ AFM จะจัดให้มีการประชุมเช่นนี้ขึ้นในภูมิภาคเอเชีย
AFM เกิดมาจากแนวคิดริเริ่ม
ของตลาดสินค้าล่วงหน้าในประเทศ South Africa ที่ชื่อว่า South
African Futures Exchange (SAFEX ปัจจุบันได้ควบรวมกับตลาดหุ้นและถือเป็นส่วนหนึ่งของ
JSE Limited) ที่อยากจะจัดให้มีแผนงานร่วมกัน (A
Joint Platform) ระหว่างบรรดาตลาดล่วงหน้าเกิดใหม่ (Emerging
Commodity Exchange) ด้วยเหตุนี้ SAFEX จึงได้เชิญตลาดล่วงหน้าเกิดใหม่หลายแห่ง
เช่น Budapest Commodity Exchange, Romanian Commodities Exchange, Warsaw
Commodity Exchange, Malaysian Derivatives Exchange มาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กันที่เมือง
Johannesburg ประเทศ South Africa ในปี
ค.ศ. 1996
ต่อมาในปี ค.ศ.1997 ตลาดล่วงหน้ากลุ่มนี้
จัดให้มีการประชุมอีกครั้งกันที่ บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซึ่งการประชุมครั้งนี้
ทางกลุ่มฯ ได้มีความเห็นร่วมกันเบื้องต้นว่า
สมควรจะจัดให้มีการประชุมร่วมกันอย่างนี้เป็นประจำ
อีกทั้งน่าจะจัดตั้งกลุ่มของพวกตนขึ้นเป็นสมาคมเสียเลย โดยต่อมาในปี ค.ศ.1998
กลุ่มตลาดล่วงหน้าดังกล่าวก็จัดให้มีการประชุมขึ้นอีกครั้ง ที่ บัวโนสไอเรส
ประเทศอาร์เจนตินา
การประชุมครั้งนี้เอง
ที่ประชุมของกลุ่มตลาดล่วงหน้าดังกล่าว
ก็มีมติอย่างเป็นทางการจัดตั้งสมาคมที่เรียกว่า "สมาคมตลาดล่วงหน้า"
หรือ "The Association Futures Markets" (AFM) โดยได้ทำการจดทะเบียนเป็นสมาคมตามกฎหมายที่ประเทศฮังการีในปี ค.ศ.1998
โดยมีวัตถุประสงค์หลัก
เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานกันระหว่างตลาดล่วงหน้าที่เป็นสมาชิก
ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
อีกทั้งเพื่อให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งการประชุมที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ มีจุดประสงค์ที่จะนำประเด็นต่างๆ
ที่ขณะนี้เป็นที่สนใจของผู้คนในอุตสาหกรรมการซื้อขายล่วงหน้า (Futures
Industry) ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
โดยหัวข้อการประชุมที่น่าสนใจในครั้งนี้ ประกอบด้วย หลายหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น 1)
อนุพันธ์ความท้าทายใหม่สำหรับตลาดทุนไทย 2) พัฒนาการของอนุพันธ์ในเอเชีย 3) Public
Monopoly or Private for-profit Enterprise 4)
สื่อจะสามารถช่วยสร้างสภาพคล่องให้ตลาดได้อย่างไร และ 5) หัวข้อเกี่ยวกับ Emission
Market (หรือที่พวกเรารู้จักกันดีว่า คาร์บอนเครดิต) เป็นต้น
การประชุมครั้งนี้ AFM
จัดให้มี Session Pre-conference Workshop ในหัวข้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งตลาดอนุพันธ์/ซื้อขายล่วงหน้า
(Setting up A Derivative Exchange) ทั้งในแง่ของ How
Factor ได้แก่ เทคโนโลยีวิธีการหักบัญชี
รวมถึงโครงสร้างของการกำกับดูแล What Factor ได้แก่
สินค้าและการออกแบบสัญญาการซื้อขายล่วงหน้า และ Why Factor ได้แก่
การให้การศึกษา การตลาด และการประชาสัมพันธ์
ซึ่งถูกที่ถูกเวลาที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในตลาดล่วงหน้าเกิดใหม่อย่าง AFET
ผู้ที่เข้าร่วมประชุม AFM
ครั้งที่ 11 นี้ จะประกอบด้วยตัวแทนกว่า 100 คน จาก 50
องค์กรที่เกี่ยวข้องกับอนุพันธ์/การซื้อขายล่วงหน้า จากกว่า 30 ประเทศ
ทั้งในส่วนของ Exchange ดังๆ ระดับยักษ์ใหญ่ของโลก เช่น CME
Group (เจ้าของ Chicago Board of Trade และ Chicago
Mercantile Exchange) EUREX ตลาดล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป NYSE
Euronext (เจ้าของตลาดหุ้น New York Stock Exchange ของสหรัฐ และ ตลาด Euronext ในยุโรป)
สถาบันการเงินระดับโลก เช่น Merrill Lynch และ UBS บริษัทสนับสนุนระบบสำหรับการซื้อขายล่วงหน้าเช่น OMX และ Patsystems ตลาดเพื่อนบ้านของเราเช่น Bursa
Malaysia, MCX (India), Jakarta Futures Exchange (Indonesia), Singapore
Exchange, Taiwan Futures Exchange, Ho Chi Minh Stock Exchange (Vietnam) ยังไม่นับรวมถึงตลาดล่วงหน้าจากยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา
อีกกว่าหลายสิบตลาด
ส่วนประเทศไทย
มีผู้เชี่ยวชาญจากวงการอนุพันธ์/ซื้อขายล่วงหน้า เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการประชุมครั้งนี้ด้วย
ได้แก่ ดร.ชัยพัฒน์ สหัสกุล
เลขาธิการคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) คุณเกศรา
มัญชุศรี MD บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) (Thailand
Futures Exchange หรือ TFEX) คุณวิบูลย์
เพิ่มอารยวงศ์ CEO และ MD บล.สินเอเชีย
จำกัด , ดร.พิชิต อัคราทิตย์ MD บลจ.เอ็มเอฟซี
คุณชานนทน์ ภู่เจริญยศ CEO บริษัท เจเอสพี. ฟิวเจอร์ส จำกัด
ดร.นิทัศน์ ภัทรโยธิน รองผู้จัดการทำการแทนผู้จัดการ AFET เป็นต้น
นับว่าเป็นโอกาสที่ดี และเป็นเกียรติสำหรับ AFET
ที่ได้รับการมอบหมายให้เป็น HOST สำหรับการประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้
อันจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับเจ้าหน้าที่ของ AFET ในการนำเอาองค์ความรู้
ข้อมูล รวมถึงประสบการณ์ จากผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรระดับโลก
มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานของ AFET ให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าระดับสากล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น