ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 พฤษภาคม 2554
หลายท่านที่อยู่ในวงการค้าขายสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าโลหะมีค่า
เช่น เงิน (Silver) หรือ กลุ่มสินค้าพลังงาน เช่น น้ำมันดิบ (Crude
Oil) คงได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ (หรือขาดทุนจาก)
การปรับตัวลดลงมาอย่างรุนแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งกลุ่มนับตั้งแต่ประธานาธิปดีโอบามาได้แถลงข่าวการสังหารบิน
ลาเดน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 2 พ.ค.54)
ในช่วงเวลาเพียง 4 วัน ราคาของ Silver ในตลาดสินค้าล่วงหน้า COMEX
(ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ CME Group ไปแล้ว)
ได้ปรับตัวจากประมาณ $49 มาแตะระดับต่ำสุด $33 หรือคิดเป็นร้อยละ 33
ซึ่งเป็นไปทำนองเดียวกันกับ ราคาของ Crude Oil ใน NYMEX
(ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ CME Group ไปแล้ว)
ก็ได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงด้วยเช่นเดียวกันจาก $115 มาแตะระดับต่ำสุดที่ $95
หรือคิดเป็นร้อยละ 17 ซึ่งนอกเหนือไปจากข่าวการตายของบิน ลาเดน
หนึ่งในเหตุที่สื่อมวลชนพยายามจะนำมาเชื่อมโยงกับการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของสินค้าโภคภัณฑ์นั้น
(โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสินค้า Silver) ได้แก่
เรื่องการปรับเพิ่มเงินมาร์จิ้น (Margin) ของตลาดล่วงหน้า
เห็นได้จากพาดหัวของสำนักข่าวต่าง ๆ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น
ของ Reuters เรื่อง “Silver falls to one-month low after COMEX margin hike” และ “Crude oil tumbles on margin hike” หรือ ของ Fox
Business เรื่อง “Silver Falls After Latest CME Margin
Hikes” หรือ ของ Market Watch เรื่อง “Silver
falls after latest CME margin hikes” เป็นต้น
ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่คงเคยได้ยินคำศัพท์คำว่า มาร์จิ้น (Margin) มาบ้างนะครับ ท่านที่อยู่ในวงการค้าขายทั่วๆ ไป เช่น ขายของชำ
ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจบ้านจัดสรร มักใช้คำว่า "มาร์จิน" หมายถึง
ส่วนของกำไรที่พึงได้ในการทำธุรกิจ อาทิเช่น ที่หลายท่านบ่นว่า
สภาพธุรกิจปัจจุบันนี้อยู่ลำบากเพราะว่ามีคู่แข่งเยอะ
ทำให้การค้าขายมีมาร์จิ้นต่ำเหลือเกิน
แต่สำหรับการซื้อขายล่วงหน้า หรือ Futures Trading นั้น
คำว่า มาร์จิ้น (Margin) คือ เงินประกัน หรือ หลักประกัน
ที่จะต้องมีการเรียกเก็บไว้เพื่อเป็นการรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการซื้อขายล่วง
หน้า ซึ่งจะมีการเรียกเก็บเงินทั้งทางฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขาย
จุดประสงค์ของการเรียกเก็บเงินดังกล่าวก็เพื่อให้เป็นที่แน่ใจว่าผู้ซื้อและ
ผู้ขายสินค้าล่วงหน้านี้จะปฏิบัติตามภาระผูกพันที่มีอยู่ต่อตลาด
ชัดเจนว่านะครับว่า มาร์จิ้น หรือ Margin ใน Futures
นี้มีไว้สำหรับเป็น เงินมัดจำ หรือ หลักประกัน (ตามตำราเรียกว่า a
sign of good faith คล้ายกับการวางหลักทรัพย์ หรือ ทรัพย์สิน
เพื่อประกันตัวผู้ต้องหาที่สถานีตำรวจ) โดยเงิน Margin ใน Futures
นี้ไม่ใช้เงินที่นำมาใช้จ่ายค่าสินค้า (ไม่เหมือนกันหุ้นที่เงิน Margin
มีไว้เพื่อจ่ายค่าหุ้น)
แต่เป็นเงินที่วางไว้เพื่อให้ได้มาของสิทธิที่จะซื้อ หรือ จะขายสินค้าในวันข้างหน้า
การจ่ายเงิน-รับเงินสำหรับการซื้อขายสินค้าจริง
จะมีขึ้นเมื่อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าครบกำหนดส่งมอบแล้วเท่านั้น
กลับมาดูกรณีศึกษาของการเพิ่มมาร์จิ้นสำหรับ Silver Futures
Contract ใน COMEX Unit ของ CME Group มีความเป็นไปอย่างไร เหตุใดสื่อมวลชนจึงได้นำเอาเหตุของการเพิ่มมาร์จิ้นมาเชื่อมโยงกันกับการปรับตัวลดลงของราคา
Silver ในช่วงที่ผ่านมา
จะเห็นได้จากตารางนะครับว่าช่วงระยะเวลาในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา CME Group ได้ทำการเพิ่มเงินมาร์จิ้นทั้งในส่วนของ Initial Margin และ Maintenance Margin ขั้นต่ำ ของ Silver
Futures Contract (ที่ลูกค้าต้องวางไว้กับบริษัท Broker) เป็นจำนวน 5 ครั้ง ทำให้มาร์จิ้นสำหรับซื้อขาย Silver เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว โดย Initial Margin เพิ่มจากหมื่นกว่า
ๆ ต่อสัญญา ($11,745) มาเป็น สองหมื่นกว่า ๆ ณ ปัจจุบัน ($21,600)ในระยะเวลาไม่ถึง
2 สัปดาห์ ซึ่งต้องยอมรับว่าการปรับมาร์จิ้นสำหรับ Silver Futures ในครั้งนี้ถือว่ามีความต่อเนื่องและเป็นการปรับขึ้นเป็นอย่างมาก
การปรับเงินประกันทั้งในส่วนของ Initial หรือ Maintenance เพิ่มขึ้นดังกล่าวนั้น
จะเป็นการเพิ่มต้นทุนในการเข้ามาซื้อขายของนักลงทุนในตลาด ทำให้มีเสียงต่อว่าต่อขานเป็นจำนวนมากจากนักลงทุนทั่วโลกว่าการที่
Exchange เพิ่มเงินมาร์จิ้นในช่วงที่ตลาดกำลังจะปรับตัวลดลงนี้ยิ่งเป็นการซ้ำเติมนักลงทุนและทำให้ราคายิ่งจะปรับลดลงรุนแรงยิ่งขึ้นไป
และเห็นหนึ่งในเหตุให้ราคา Silver ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
การปรับมาร์จิ้นในครั้งนี้ มีเสียง Complaint จากนักลงทุนอย่างมาก
ร้อนถึงทาง President ของ CME Clearing ซึ่งคือ Ms.Kimberly Taylor ต้องเขียนบทความเรื่อง “Understanding
Margin Changes” ผ่านทาง website OPEN Markets เพื่ออธิบายให้นักลงทุนเข้าใจถึงแนวทางที่ CME Group ในการปรับเปลี่ยนมาร์จิ้น
โดย Ms.Taylor ได้อธิบายว่า “มาร์จิ้น”
ไม่ใช่เป็นเครื่องมือในการกำหนดราคา หรือ
สามารถทำให้ราคาสิ้นค้าเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แต่ “มาร์จิ้น” เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่ทาง
Exchange ใช้ประเมินความเสี่ยงด้านราคาเพื่อช่วยนักลงทุนในการเตรียมความพร้อมรับมือกับความความเสี่ยงด้านราคาการของซื้อขายล่วงหน้า
ซึ่งทาง CME Clearing มีหลักในการคำนวณมาร์จิ้นให้มีขนาดที่เหมาะสม
มิให้มากเกินไปจนเป็นภาระต่อผู้ลงทุน หรือ
น้อยเกินไปจนทำให้ไม่สามารถรองรับความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาของสินค้าใดได้
ส่วนตัวคิดว่า ไม่ว่า Ms.Taylor จะอธิบายอย่างไร
ก็คงเป็นการยากสำหรับนักลงทุนที่จะทำความเข้าใจครับว่า
เหตุใดเงินมาร์จิ้นสำหรับซื้อขาย Silver Futures ใน CME
Group นี้ถึงถูกปรับขึ้นอย่างถี่และรุนแรงเป็นประวัติการณ์ในช่วง 2
สัปดาห์ที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น